: อิมาม โคมัยนีย์ : ประวัติอิมามโคมัยนีย์ - โคมัยนีย์ คือใคร?

ผู้ดูแลเว็บไซต์

10/8/1425

แนะนำผู้อื่น

พิมพ์บทความนี้


โคมัยนีย์ คือใคร?

โคมัยนีย์ คือใคร?

 

 

ดร.มูซา อัลมูซาวีย์ ซึ่งเป็นชาวชีอะฮฺ ได้กล่าวในหนังของเขา "อัษเสาเราะฮฺ อัลบาอิสะฮฺ"  หัวข้อ "โคมัยนีย์คือใคร"

 

ก่อนอื่นเราต้องรู้จักตัวตนโคมัยนีย์ก่อน และนี้คือคำตอบสำหรับคำถามที่ถูกถามขึ้น

1.   โคมัยนีย์ สรรเสริญและยกย่องตัวเองเนื่องด้วยการตอบรับที่ ฟัครุ อัลหิญาซีย์ได้กล่าวเป็นประจำว่า "โคมัยนีย์ ยิ่งใหญ่กว่า นบีมูซา และนบีอิบรอฮีม

2.   โคมัยนีย์ ถือว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่านบีมุหัมมัด ศ็อลล็อลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เขาเลยนำชื่อของเขาให้กล่าวขณะอาซานด้วย

3.   โคมัยนีย์ มองตัวเองว่าอัลลอฮฺได้ส่งเขามายังโลกนี้เพื่อเป็นผู้ดูแลมนุษย์ชาติและให้การตักเตือนแก่มวลมนุษย์ และโคมัยนีย์ระบุตัวเองในรัฐธรรมนูญของอิหร่านด้วยคุณลักษณะดังกล่าว และเช่นเดียวกันเขาคุกคามผลประโยชน์ต่างๆแก่ตัวเอง

4.   โคมัยนีย์ ใช้สื่อต่างๆเพื่อนำเสนอตั้งแต่เช้าถึงเย็นว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ และอ้างว่าตัวเองมีเกียรติยศและมุญิซะฮฺ(สิ่งนอกเหนือสติปัญญาและความสามารถของมนุษย์) เหตุใดหรือสื่อเหล่านี้ลืมหรือเจตนาที่จะลืมประวัติความเป็นมาของโคมัยนีย์ก่อนอพยพมาอาศัยอยู่ในอิหร่าน ซึ่งเป็นที่รู้กันในสังคมว่าปู่และครอบครัวของโคมัยนีย์เดิมทีอพยพมาจากอิเดีย เมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อนครอบครัวโคมัยนีย์อาศัย ณ.หมู่บ้านที่ชื่อว่าโคมัยน์ มุสตอฟาบิดาของโคมัยนีย์ได้กำเนิดที่นั้นและถูกฆ่าจนเสียชีวิต ณ.หมู่บ้านแห่งนั้นเมื่อครั้นยังเป็นหนุ่ม ทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นล้วนเป็นสิ่งที่รู้กันในอิหร่าน แต่ไม่มีผู้ใดกล่าวถึงตระกูลและครอบครัวโคมัยนีย์ที่อิเดียเลยว่าอาศัยอยู่ที่ ณ.ที่ใดในอิเดีย แม้กระทั้งโคมัยนีย์เองก็ไม่เคยเอ่ยถึง ตามที่กระผมได้กล่าวมาข้างต้นว่าปู่ของโคมัยนีย์ได้อพยพมาอาศัยในอิหร่านเมื่อหนึ่งร้อยปีกว่าเองหรือสามชนหรือรุ่นของอายุคน เป็นไปไม่ได้ที่โคมัยนีย์จะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับญาติพี่น้องที่ยังอาศัยอยู่ในอิเดิยลืมพวกเขาไปแล้ว การปิดบังหรือเก็บความลับนี้ของโคมัยนีย์หรือเจตนาทำเป็นลืมหรือแสดงขาดความสัมพันธ์กับญาติที่อาศัยอยู่ในอินเดีย นี้ไม่ได้กลายเป็นพิรุตและข้อสังเกตต่อผู้นำที่ปกครองประเทศอิหร่านดอกหรือ?? และเราได้รับคำตอบที่น่าทึ้งมากจากผู้ที่ชื่นชอบและชื่นชมโคมัยนีย์ ซึ่งบางคนได้กล่าวว่า อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า :

(لا تسئلوا عن شيئا أن تبد لكم تسوءكم )

     ความว่า :

 

 

มีรายงานว่าโคมัยนีย์มีความสัมพันธ์โดยตรงกับหมอดูในอิหร่าน นี้เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจมากกว่าประวัติและตระกูลของโคมัยนีย์ในอดีต เนื่องจากว่าเป็นเรื่องมาทีหลัง ไม่ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับมูซา บิน ญะฟัร ดังที่มีลายลักษณ์อักษร หรือไม่นั้น แต่ที่แน่ๆเขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขากระทำและได้รับการตอบแทนจากอัลลอฮฺ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีหรือเลว ดังดำรัสของอัลลอฮผู้ทรงอภิบาลว่า :

(( يومئذ يصدر الناس أشتاتا ليروا أعمالهم فمن يعمل مثقال ذرة خير يره ومن يعمل مثقال ذرة شر يره ))

      ความว่า :

 

และประวัติของบุตรชายนบีนูฮได้กล่าวในอัลกุรอานนั้นได้ทำให้เราเข้าใจและไม่จำเป็นต้องขยายเรื่องโคมัยนีย์อีกต่อไป อัลลอฮทรงตรัสใน    อัลกุรอ่านว่า

(( ونادى نوح ربه فقال إن أبني من أهلي وإن وعدك الحق وأنت أحكم الحاكمين، قال يا نوح أنه ليس من أهلك أنه عمل غير صالح فلا تسئلن ما ليس لك به علم إني أعظك أن تكون من الجاهلين))

ความว่า :

 

 

 

 

 

 

 

อัลลอฮทรงตรัสอีกว่า

(( فإذا نفح في الصور فلا أنساب بينهم يومئذ ولا يتساءلون ))

ความว่า :

 

 

 

 

 

เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นใน กัรบ์, บาลาอ์ และ มิห์นะฮฺ ขณะนี้นั้นล้วนเกิดจากความผิดปกติของโคมัยนีย์ ซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างคำพูดของโคมัยนีย์กับการกระทำของเขา กระผมได้กล่าวเรื่องของเขาในหนังสือเล่มนี้หลายหัวข้อด้วยกัน ดังต่อไปนี้ :

โคมัยนีย์เป็นคนเห็นแก่ตัวและยึดติดกับตัวเองอย่างรุนแรงโดยที่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมเพราะความเห็นแก่ตัวของเขา ซึ่งที่เขาให้ความสำคัญคือสิ่งเดียวเท่านั้น นั้นคือการแต่งตัวและบุคคลิกภายนอก นี้คือคุณลักษณะที่อันตรายที่สุดสำหรับผู้นำที่มีความคิดว่าเขามีอำนาจดังพระเจ้าในการปกครองบรรดาบ่าวทั้งหลาย

และคุณลักษณะอย่างอื่นๆล้วนแล้วขัดแย้งกับความเป็นผู้นำแห่งจิตวิญญานเพราะความเห็นแก่ตัวและรักตัวเอง เนื่องจากว่าเมื่อโคมัยนีย์ยึดมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเขาก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอันขาดแม้กระทั้งเรื่องเล็กๆ ด้วยเหตุนี้จะไม่ใครคลุกคลีหรือสร้างมิตรกับเขานอกจากผู้ที่ตามแนวทางและจงรักภักดีต่อเขา และเขาจะไม่รับฟังความคิดของคนโดยใช้วิจรณญานและความบริสุทธิ์ใจ ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้คนที่ร่วมทำงานกับเขานั้นส่วนใหญ่ก็เลวร้าย สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญนั้นก็คือชื่อเสียงและภาพลักษณ์ภายนอกที่ดีงาม

ลักษณะที่เลวร้ายที่สุดของเขาคือการอคติและแก้แค้นต่อผู้ที่ทำไม่ดีต่อเขา ถึงแม้เรื่องนั้นผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม เขาจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาดและเขาจะแก้แค้นเมื่อมีโอกาส ดังที่เขาได้สั่งการประหารชีวิต เชค อัลวาฮีดีย์ และดร.ญัมชีด สองท่านนี้เป็นสมาชิกวุฒิสภาแห่งอิหร่านในสมัยรัฐบาลชาห์จากจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 60คน เหตุที่โคมัยนีย์สั่งให้ประหารชีวิตสองท่านนั้นเนื่องจากว่า เชค อัลวาฮีดีย์ กับ ดร.ญัมชีด ได้พูดและกล่าวถึงโคมัยนีย์อย่างมากขณะประชุมในรัฐสภาฯ ซึ่งขณะนั้นโคมัยนีย์เป็นผู้คัดค้านรัฐบาลภายใต้การปกครองของชาห์อยู่ เมื่อโคมัยนีย์มีโอกาสก็แก้แค้นคืนโดยการประหารชีวิตทั้งสองคนนั้น

และเรื่องที่แปลกกว่านี้ มีญาติของโคมัยนีย์ได้ติดต่อมาขาฉัน เขาได้ถามฉันว่า ท่านจำวันที่ฉันกับโคมัยนีย์ไปบ้านท่านได้ไหม? และท่านก็เลี้ยงอาหารแก่เราทั้งสอง? ฉันก็ตอบว่า ครับ ฉันจำได้ เมื่อปี 1955 ขณะฉันอาศัยอยู่ที่แตฮาราน และญาติของเขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ฉันได้ข่าวว่าโคมัยนีย์เคยขอความช่วยเหลือจากท่านในบางครั้งขณะเขาอาศัยอยู่ในอิรัก .

จงระวังไว้ เพราะโคมัยนีย์อาจจะฆ่าท่านได้เมื่อเขามีอำนาจ เนื่องจากว่าโคมัยนีย์จะแค้นต่อบุคคลสองประเภท หากเป็นไปได้เขาให้บุคคลเหล่านี้หายจากโลกนี้ไป ประเภทแรกคือบุคคลที่เคยให้ความช่วยเหลือแก่เขา ประเภทที่สองคือ บุคคลที่เป็นศัตรูกับเขา เพราะบุคคลเหล่านี้จะพูดถึงอดีตของเขาเมื่อคราวที่เขาลำบาก ถึงแม้จะเป็นความจริงแต่เขาก็ไม่ยอมรับ และเรามีคำยืนยันจากญาติของโคมัยนีย์ผู้นี้ว่า โคมัยนีย์ได้สังหาร อัลญาวาฮารียาน และดัสตมาลาญีย์ ซึ่งสองคนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ใจต่อโคมัยนีย์มากที่สุด สองคนนี้ได้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือโคมัยนีย์ในการปฏิวัติเพื่อให้ประสบความสำเร็จด้วยเงินสิบล้านขณะเขาอาศัยอยู่อิรักและปารีส และข้อกล่าวหาโคมัยนีย์ต่อสองคนนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไร้สาระคือสองคนนี้ให้ความช่วยเหลือ บนี ศอดัร และเช่นเดียวกันโคมัยนีย์ยังได้สังหารมุญาฮิดีนที่ต่อสู้เพื่อเขาเป็นระยะเวลานานถึงสิบห้าปี นี้เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำของโคมัยนีย์ นักกวีท่านหนึ่งกล่าวว่า :

" เมื่อใดที่ท่านให้เกียติแก่ผู้ที่มีเกียติท่านก็จะได้รับเกียติเป็นการตอบแทน และเมื่อใดที่ท่านให้เกียติแก่คนเลว ท่านก็จะได้รับความหายนะเป็นการตอบแทน "

การที่โคมัยนีย์รักตัวเองและตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของเขานั้นเพื่อที่จะเป็นนักปกครองให้ได้ นั้นเป็นฐานดังเดิมของชีวิตเขา สำหรับความชั่วทั้งหลายที่โคมัยนีย์ได้กระทำไว้เพื่อได้รับความเป็นผู้นำนั้น เขาคือบุคคลเดียวเท่านั้นที่ประวัติศาสตร์จารึกถึงความเลวร้ายที่สุดในการที่จะได้เป็นผู้นำ ฉันกล่าวแก่ บนี ศอดัร เมื่อครั้งที่พบกับเขาที่ปารีสว่า เหตุที่โคมัยนีย์อคติและแค้นต่อท่านเนื่องจากว่าท่านได้เผยบุคลิภาพที่ทำให้ชาวอิหร่านรักท่านมากกว่าโคมัยนีย์ และหน่วยงานของท่านได้เผยแพร่คะแนนนิยมจากการสำรวจทั่วประเทศสนับสนุนท่านร้อยละ 57 และสนับสนุนโคมัยนีย์ร้อยละ 47 เท่านั้น นี้คือการท้าทายที่อันตรายต่อท่าน ท่านไม่รู้จักโคมัยนีย์หรือ? เขาฟัตวาทุกเรื่องในโลกนี้ด้วยความเห็นแก่ตัวและเข้าข้างตัวเองด้วยความคลั่งอย่างยิ่ง ฉันได้บอกแก่ บนี ศอดัร ว่า หลังจากที่ฉันได้อ่านผลคะแนนนิยมจากหนังสือพิมพ์ ฉันก็คิดว่าท่านจะได้เป็นผู้นำเพียงเวลาที่สั้นๆเท่านั้น และแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ บนี ศอดัร กล่าวเพิ่มเติมว่า แท้จริง เชค อัลอิชรอกีย์ ซึ่งเป็นน้องเขยของโคมัยนีย์แนะนำฉันมาตลอดว่าไม่ให้ฉันเผยบุคลิกการเป็นผู้นำที่ทำให้ชาวอิหร่านนั้นรักและเคารพ เพราะโคมัยนีย์ไม่สามารถอดทนและรับไม่ได้หากบุคคลอื่นมาเป็นผู้นำและทำให้ชาวอิหร่านรักผู้นำคนนั้น

โคมัยนีย์ไม่ได้สนใจถึงการหลังเลือด ฉันได้ยินเขาสนทนากับอิมาม อัลหากีม ที่เมืองนัจฟ์ โคมัยนีย์เล่าแก่อิมามหากีมว่า อุลามะอ์ชาวตุรกีย์ถูกสังหารหมู่จำนวนเก้าสิบคน และฉันก็เยี่ยมสุสานพวกเขาขณะฉันหลี้ภัยอยู่ในตุรกีย์ แล้วทำไมเราไม่สังหารหมู่พวกที่เป็นศัตรูกับพวกเราเพื่อยังคงชื่อเสียงของเราตลอดไป อิอาม อัลหากีม ตอบด้วยรอยยิ้มที่เยาะแย้ย และกล่าวว่า เราสังหารเพื่อชื่อเสียงอย่างเดียวหรือ? ผู้ที่ร่วมขณะนั้นก็พากันหัวเราะเยาะโคมัยนีย์ โคมัยนีย์ไม่ยอม เขาพยายามแก้ต่างด้วยการกล่าวว่า ทำไมท่านไม่นึกถึงอิมามฮูเซน ที่ถูกฆ่าเพราะเขาต่อสู้กับความซอเล็ม(ทารุณกรรม) อิมาม หากิม ตอบด้วยความยิ้มแย้มว่า ทำไมเราไม่นึกถึงอิมามหะสัน ที่ทำความดีต่อมุอาวียะฮ์ ทำให้ทุกคนนิ่งเงียบ โคมัยนีย์ก็เดินออกไปโดยไม่ได้อำลา อิมาม หากิมด้วยดี

ผู้ชายคนนี้ไม่รู้จักคำว่าเอ็นดูหรืออภัย ชายผู้นี้(โคมัยนีย์)ได้สังหารหนุ่มสาวจำนวนสามพันคนในช่วงระยะเวลาสามเดือนเพราะการปฏิวัติทางการเมืองของเขา โดยไม่มีการอภัยหรือสงสารแม้แต่ผู้เดียว

 

โคมัยนีย์ไม่ได้ถือเรื่องการพูดปดหรือโกหก เขาจะโกหกกับคนทุกระดับ ดังที่เราได้เห็นว่าหน่วยงานของเขายอมรับว่าได้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากประเทศอิสราแอล แต่โคมัยนีย์ปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง เรื่องดังกล่าวได้โจงแจ้งต่อประชากรโลกหลังจากที่เครื่องบินอาเจนตีน่าตก ความลับของโคมัยนีย์ ผู้นำแห่งอิหร่านก็ถูกเปิดเผย และในที่สุดอิสราแอลก็ยอมรับเรื่องดังกล่าว ทำให้โคมัยนีย์ต้องใช้เหมือนกับอยู่อีกโลกหนึ่งโดยไม่ออกมาชมแสงอาทิตย์เลยถึงแม้ว่าวันนั้นจะสวยงานขนาดไหนก็ตาม

 

 

โคมัยนีย์ จะตระนักถึงความโอหังและเย่อหยิ่งของเขาอย่างมาก ฉันขอเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าฉันที่โรงพยาบาลรักษาโรคหัวใจ ซึ่งโคมัยนีย์ได้นอนป่วย ณ.ที่นั้น และมีห้องเล็กๆข้างห้องพักของโคมัยนีย์ ห้องดังกล่าวนั้นมีไว้สำหรับผู้เยี่ยมที่มีระดับสูง ฉัน, วิศวะกร บัซรอกาน, อัลอิชรอกีย์ น้องเขยของเขา, อะห์มัด ลูกของเขา และเชค อะห์มัด อัลเมาลาอีย์ เราพักในห้องดังกล่าวตอนที่เราไปเมืองกุม พอดีศอดิก กุตุบ รมว.ต่างประเทศในขณะนั้นเข้าเยี่ยมโคมัยนีย์ และเราได้ยินเสียงพูดออกมาว่า ฉันขอเสนอตัวฉันเองเป็นผู้นำแห่งอิหร่าน อิชรอกีย์ ซึ่งเป็นน้องเขยของเขาก็พูดออกมาว่า นั้นเป็นเสียงศอดิก กุตุบเอง เขานำเสนอตัวเขาเองได้อย่างไร???

ฉันพูดออกไปว่า หากศอดิกมีสติเขาจะไม่เลือกนำแหน่งเช่นนี้ดอก จึงได้มีเสียงหัวเราะดังขึ้น อยู่สักพักคนดูแลโคมัยนีย์ก็มาตามอัลอิชรอกีย์ให้เข้าไปพบโคมัยนีย์ อิชรอกีย์เล่าว่า โคมัยนีย์ถามถึงเหตุที่เสียงดังรบกวนการพักผ่อนของเขา และสั่งให้ปิดห้องนั้นเลย และต้อนรับแขกเฉพาะห้องรับแขกทั่วไปเท่านั้นโดยจะไม่เปิดห้องพิเศษให้แขกวีไอพีอีกต่อไป

และฉันขอปิดท้ายในบทนี้ด้วยเรื่องการถล่มหรือทำลายสุสานริฏอ อัลบะฮฺลาวีย์ ซึ่งชาวอิหร่านใช้เงินในการสร้างสุสานดังกล่าวด้วยงบประมาณ 200 ล้านดอลล่าในขณะนั้น ซึงสุสานดังกล่าวเป็นโบราณสถานของอิหร่านไปแล้ว โคมัยนีย์ได้สั่งให้ทำลายสุสานดังกล่าวเพื่อที่จะบอกว่าการทำนายของเขาเป็นจริงและเขารับรู้สิ่งเร้นลับ โคมัยนีย์เคยกล่าวในคุตบะฮฺของเขาสมัยรัฐบาลชาฮ์ว่า จะมีวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้าที่ชาวอิหร่านจะไปถล่มและทำลายสุสานของริฏอ อัลบะฮฺลาวีย์ เมื่อฉันได้ข่าวว่า เชค อัลคอลอลี เพชฌฆาตแห่งการปฏิวัติ เริ่มทำลายสุสาน ฉันก็ต่อสายโทรศัพท์ไปหาเขา

ฉันได้บอกแก่เขาว่า ดังที่ทุกคนรู้ว่าศพของบะฮฺลาวีย์ถูกนำออกไปนอกประเทศแล้วด้วยชาห์บุตรชายของเขา

ฉันได้นำเสนอแก่เขาให้เก็บไว้เป็น พิพิธภัณฑ์แห่งอาชญากรรมของบะฮฺลาวีย์ ทำไมท่านจึงทำลายการก่อสร้างที่ใหญ่โตดังกล่าวซึ่งเป็นสมบัติของชาวอิหร่านด้วยทุมเทกำลังทรัพย์มหาศาลในการก่อสร้าง หรือว่าท่านอยากให้ชาวโลกมองท่านเหมือน ญังกีซ์ และตัยมูร และประณามท่านว่าเป็นผู้ทำลายความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ

หลังจากนั้นสองวัน เชคอัลญัลลาดได้ประกาศว่า ชาวอิหร่านได้ถล่มและทำลายสุสานของบะฮฺลาวีย์ และการพยากรณ์ของโคมัยนีย์เป็นความจริงเสมอ

การหลอกหลวงที่โคมัยนีย์ทำต่อสังคมเช่นนี้นั้น อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า

 (( أولئك كالأنعام بل هم أضل سبيلا))

ความว่า ชนเหล่านี้แหละประหนึ่งปศุสัตว์ ใช่แต่เท่านั้น พวกเขาเป็นผู้หลงความผิดยิ่งกว่า

และคำกล่าวของอิมามอาลี ว่า

ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานและจุดยืนที่ถูกต้อง เขาจะคล้อยตามทุกคนที่มาชักชวนโดยไม่ใสใจค้นหาแนวทางที่ถูกต้องแห่งบัญญัติของอัลลอฮฺ

 

 

จากหนังสือ "อัษเสาเราะฮฺ อัลบาอิสะฮฺ" โดย ดร.มูซา อัลมูซาวีย์ ชาวชีอะฮฺ 

จากหนังสือ "อัษเสาเราะฮฺ อัลบาอิสะฮฺ" โดย ดร.มูซา อัลมูซาวีย์ ชาวชีอะฮฺ